Home » การใช้งาน Directional และ omnidirectional ไมโครโฟน แตกต่างกันอย่างไร

การใช้งาน Directional และ omnidirectional ไมโครโฟน แตกต่างกันอย่างไร

by April Craig
140 views
1.การใช้งาน Directional และ omnidirectional ไมโครโฟน แตกต่างกันอย่างไร

ในโลกของการบันทึกเสียงและการประชุม ไมโครโฟนมีบทบาทสำคัญอย่างมาก ในบรรดาไมค์ประเภทต่างๆ มากมาย ไมโครโฟนแบบมีทิศทางและแบบรอบทิศทางมีถือเป็นหนึ่งในประเภทที่ได้รับความนิยม และหลายๆ

คนก็อาจจะกำลังสงสัยว่าควรเลือกแบบไหนดีที่ใช้งานได้จริง ควรเลือกแบบไหนดีถึงจะสามารถมั่นใจได้ว่าตอบโจทย์การทำงาน วันนี้เราไปดูพร้อมกันเลย

ไมโครโฟนแบบกำหนดทิศทาง (Directional Microphones)

2.ไมโครโฟนรอบทิศทาง (Omnidirectional Microphones)

1. หลักการทำงานพื้นฐาน

ไมโครโฟนแบบกำหนดทิศทางจะรับเสียงส่วนใหญ่จากทิศทางเดียว ช่วยให้สามารถโฟกัสไปที่แหล่งกำเนิดเสียง และลดเสียงรบกวนรอบข้างให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

2. ประเภทของไมโครโฟนแบบกำหนดทิศทาง

  • ไมโครโฟนแบบคาร์ดิออยด์ (Cardioid Microphones) : ตั้งชื่อตามรูปแบบตัวรับเสียงรูปหัวใจ ไมโครโฟนเหล่านี้จับเสียงจากด้านหน้าเป็นส่วนใหญ่ เหมาะสำหรับการแสดงสดและการบันทึกเสียงในสตูดิโอ
  • ซูเปอร์คาร์ดิโอด์และไฮเปอร์คาร์ดิโอด์ (Supercardioid and Hypercardioid) : ไมค์แบบนี้มีพื้นที่รับเสียงที่แคบกว่าไมโครโฟนแบบคาร์ดิออยด์ ทำให้แยกเสียงจากด้านข้างได้มากกว่า แต่มีอาจจะมีเสียงจากด้านหลังเล็กน้อย

3. ข้อมูลเกี่ยวกับไมโครโฟนแบบกำหนดทิศทาง

  • Polar Pattern : เน้นการจับเสียงจากด้านหน้า หากพูดที่ด้านหลังหรือด้านข้างจะรับเสียงได้น้อยมากๆ
  • การตอบสนองความถี่ : โดยทั่วไปจะมีตั้งแต่ 20 Hz ถึง 20 kHz โดยบันทึกเสียงได้หลากหลายตั้งแต่เสียงเบสไปจนถึงโทนเสียงสูง
  • ความไว : ประมาณ -45 dB เหมาะสำหรับการบันทึกเสียงในสตูดิโอ

ไมโครโฟนรอบทิศทาง (Omnidirectional Microphones)

1. หลักการทำงานพื้นฐาน

ไมโครโฟนรอบทิศทางจับเสียงได้จากทุกทิศทางในระดับเสียงที่พอๆ กัน เหมาะที่สุดที่จะใช้ในสภาพแวดล้อมที่ต้องบันทึกเสียงจากหลายแหล่งหรือหลายทิศทาง

2. การใช้งาน

  • การบันทึกภาคสนาม : เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการจับเสียงรอบข้างหรือในสถานการณ์ที่ทิศทางของแหล่งกำเนิดเสียงมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
  • ห้องประชุม : ใช้ในพื้นที่การประชุมเพื่อรับเสียงจากผู้เข้าร่วมที่นั่งรอบโต๊ะ

3. ข้อมูลเกี่ยวกับไมโครโฟนรอบทิศทาง

  • Polar Pattern : มีรูปแบบการรับเสียงรอบทิศทาง
  • การตอบสนองความถี่ : คล้ายกับไมโครโฟนแบบกำหนดทิศทาง ซึ่งมักมีความถี่ตั้งแต่ 20 Hz ถึง 20 kHz
  • ความไว : โดยทั่วไปแล้วจะสูงกว่าไมโครโฟนแบบกำหนดทิศทาง เนื่องจากต้องจับขอบเขตเสียงที่กว้างกว่า

ไมโครโฟนแบบกำหนดทิศทางและรอบทิศทาง แบบไหนดีกว่ากัน?

3.ไมโครโฟนแบบกำหนดทิศทางและรอบทิศทาง แบบไหนดีกว่ากัน ?

1. ทิศทาง

ไมโครโฟนแบบกำหนดทิศทางเหมาะที่สุดสำหรับการรับเสียงจากแหล่งกำเนิดเสียงเดียว ในขณะที่ไมโครโฟนแบบรอบทิศทางจะยอดเยี่ยมในการบันทึกเสียงทั้งหมดในระยะการรับเสียง

2. การใช้งานในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน

  • ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง ไมโครโฟนแบบกำหนดทิศทางเหมาะกว่าในการเน้นไปที่เสียงที่เฉพาะเจาะจง
  • ไมโครโฟนรอบทิศทางเหมาะสำหรับสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบซึ่งการเก็บเสียงให้ครบทุกมิติเป็นสิ่งสำคัญ

ข้อควรพิจารณาทางเทคนิคในการเลือกไมโครโฟน

1. Signal-to-Noise Ratio

  • ไมโครโฟนแบบกำหนดทิศทาง : SNR สูงกว่า เนื่องจากรับเสียงรบกวนรอบข้างน้อยลง
  • ไมโครโฟนรอบทิศทาง : SNR น้อยกว่าในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงรบกวน เนื่องจากรูปแบบการรับเสียงรอบทิศทาง

2. Proximity Effect

  • ไมโครโฟนแบบกำหนดทิศทาง : ผลกระทบในระยะใกล้มีความเด่นชัด โดยที่เสียงเบสจะถูกเพิ่มเมื่อแหล่งกำเนิดเสียงอยู่ใกล้กับไมโครโฟน
  • ไมโครโฟนรอบทิศทาง : ผลกระทบแทบไม่มีเลย ทำให้ได้การตอบสนองเสียงเบสที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น แม้ว่าจะพูดใกล้ไมค์มากแค่ไหนโทนเสียงก็จะไม่เปลี่ยนไป

ตัวอย่างการใช้งานจริง

พอดแคสต์และการไลฟ์สด

ผู้จัดพ็อดแคสต์และนักไลฟ์สดมักชอบไมโครโฟนแบบกำหนดทิศทาง เช่น ไมโครโฟนแบบคาร์ดิออยด์ เนื่องจากสามารถแยกเสียงของผู้พูดออกจากเสียงรบกวนรอบข้างได้

การประชุม

ไมโครโฟนรอบทิศทางที่วางอยู่ตรงกลางโต๊ะสามารถจับเสียงจากผู้เข้าร่วมทุกคนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การบันทึกคอนเสิร์ต

ไมโครโฟนแบบกำหนดทิศทางใช้สำหรับการจับเสียงเครื่องดนตรีหรือเสียงนักร้อง ในขณะที่ไมโครโฟนแบบรอบทิศทางสามารถจับเสียงในห้องและบรรยากาศของผู้ฟังได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้การใช้ไมค์ลอย (Wireless Microphone) เป็นอุปกรณ์เสียงที่ใช้ในการรับและส่งสัญญาณเสียงไร้สาย ซึ่งมีประโยชน์สำคัญในหลายสถานการณ์การใช้งาน ไมค์ลอยประกอบด้วยส่วนหลักสองส่วนคือไมค์ตัวรับ (Receiver) และไมค์ตัวส่ง (Transmitter) โดยไมค์ตัวส่งจะถูกใช้โดยผู้ใช้เพื่อพูดหรือร้องเพลง ส่วนไมค์ตัวรับจะถูกเชื่อมต่อกับระบบเสียงเพื่อรับสัญญาณเสียงจากไมค์ตัวส่ง และส่งออกไปยังลำโพงหรือระบบเสียงอื่นๆ การเลือกใช้ไมค์ลอยที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์การใช้งานและความต้องการของคุณ ราคาและคุณภาพของไมค์ลอยก็แตกต่างกันไป ดังนั้น ควรพิจารณาการใช้งานและงบประมาณของคุณให้ดีที่สุดก่อนการเลือกซื้อ

 

บทความที่น่าสนใจ :

เรื่องที่เกี่ยงข้อง

CONCEPTOCOMUNICACION

เว็บไซต์รวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงาน

ที่ครอบคลุมทุกระดับความรู้

@2024 – All Right Reserved. Designed and Developed by Conceptocomunication